วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

Assignment 10 : Tenses

Future Tense

Future Simple Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต โดยมีคำหรือวลีบอกเวลาอยู่ด้วย อันเป็นการคาดหมายล่วงหน้า ให้คำมั่นสัญญา หรือแสดงความตั้งใจเอาไว้ และที่เป็นการขออนุญาต หรือขอความเห็นชอบด้วย ตัวอย่างเช่น
We shall go to Singapore tomorrow.
I will go there next week.
หมายเหตุ ตามปกติมักจะใช้ Shall กับ I หรือ we และใช้ Will กับ you, he she, it, they หรือ Dang, Mary ในความหมายว่า “จะ” แต่ถ้าใช้กลับกัน เช่น I will, we will, หรือ they shall เป็นต้น จะให้นัยว่ามีความตั้งใจมากขึ้น เช่นเดียวกับการใช้ be going to แต่ปัจจุบันนิยมใช้ will กับประธานทุกบุรุษ ในความหมายเดียวกับ be going to
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + verb 1

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขณะที่พูดเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น มักมี Adverb บอกเวลา ดังนี้
Soon, shortly, in a short time, in a moment, in a while, in a week’s time, in two days’ time, in (the) future, in a few minutes (weeks, month, years), tonight, tomorrow, next week, next month, next year, next Monday (Tuesday, Wednesday…) etc.
2. ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ Future Simple Tense กับกริยาเพียงตัวเดียว ส่วนอีกตัวหนึ่ง (คือประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อม) ให้ใช้ Present Simple Tense หรือ Present Perfect Tense กริยาที่ใช้ Future Simple Tense คือ กริยาที่อยู่หน้าคำเชื่อม และคำเชื่อมที่นำมาใช้เท่าที่พบมาก ได้แก่ if, unless, when, until, as soon as, before, after, the moment that, by the time that, now that
การใช้ (be) going to แทน will, shall
1. การใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงความตั้งใจ แทน will, shall ได้ เช่น I am going to write to Anong this evening.
2. ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงการคาดคะเนแทน will, shall ได้ เช่น I think it is going to rain.
3. ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดยปราศจากข้อสงสัย แทน will, shall ได้ เช่น My wife is going to have a baby.

Future Continuous Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคต ที่คาดหมายว่าจะกำลังดำเนินอยู่ในช่วงวัน – เวลาที่ระบุเอาไว้นั้น ตัวอย่างเช่น
He will be coming home around five p.m..
My son will be calling me up tonight.
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + be + verb -ing

1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่จะเกิดขึ้นก่อน-หลังกันในอนาคต โดยมีหลักการแต่งประโยคดังนี้
- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense: Subject + will/shall + be + verb –ing
- เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Present Simple Tense: Subject + verb 1
เช่น He will be sleeping when I visit him.
2. ใช้กับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามเวลาที่ระบุไว้อย่างชัดเจน เช่น
This time tomorrow I shall be flying to New York.
3. ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะทำเช่นนี้จริงๆ เช่น
We shall be working all day tomorrow.

Future Perfect Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและดำเนินไปจนเสร็จสมบูรณ์ ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้นั้น ตัวอย่างเช่น
We’ll have finished our homework by 10 o’ clock tonight.
By this time tomorrow she‘ll have done all her assignments.
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + have + verb 3

1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต ซึ่งขณะที่พุดเป็นเพียงคาดการณ์ไว้ล่วง
หน้าว่า ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว เหตุการณ์อันหนึ่งจะได้เกิดขึ้นสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้ว จึงมีเหตุการณ์อันที่ 2 เกิดขึ้นตามมา
- เหตุการณ์เกิดก่อนใช้ Future Perfect Tense: Subject + will/shall + have + verb 3
- เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense: Subject + verb 1
เช่น โจทย์ : The play (start) before we (reach) the theatre.
เฉลย : The play will have started before we reach the theatre.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ณ เวลาใดเวลาหนึ่งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในประโยคและพึงสังเกตไว้ว่า คำหรือกลุ่มที่บอกเวลาเป็นอนาคตนำมาร่วมกำกับไว้นั้นจะนำหน้าด้วยบุรพบท “by” เสมอ เช่น by tomorrow, by next week, by the end of March, by dinner time, by next summer, etc. เช่น
By the end of March the Browns will have been here for two years.
3. ใช้เพื่อแสดงความสงสัยว่า “คงจะอย่างนั้น อย่างนี้แล้วก็ได้” เช่น
I expect you will have heard that Ladda is going to be married next month.

Future Perfect Continuous Tense คือ ประโยคที่พูดถึงกระทำหรือเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไปในระยะเวลาที่ระบุไว้นั้น ตัวอย่างเช่น
By the end of this semester we will have been studying English Grammar for two years.
How long will you have been studying English here when you go home next week?
โครงสร้างประโยค : Subject + will/shall + have + been + verb -ing

Future Perfect Continuous Tense มีวิธีใช้เช่นเดียวกับ Future Perfect Tense ทุกประการ ต่างกันก็ตรงที่ว่า เราใช้ Tense นี้เพื่อ “เน้นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่า ได้ดำเนินต่อเนื่องกันไป แม้เมื่อถึงเวลานั้นการกระทำก็ยังคงดำเนินอยู่ และก็จะดำเนินต่อไปอีกมิได้หยุด” ซึ่งประโยค Future Perfect ทั้ง 2 แบบ จำเป็นต้องมีคำพูดถึงระยะเวลาอยู่ด้วย โดยอาจอยู่ในรูปของอนุประโยคนำด้วย when หรือ วลีนำโดย by อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเอาไว้นำหน้าหรือต่อท้ายประโยคก็ได้ คำพูดถึงระยะเวลาเหล่านี้ ได้แก่
By 8 p.m., by next June, by that time, by noon, by this time next month, by the end of July, by midnight, by the end of this semester, by the end of summer session, when we come to the end of this course, when he goes home on Songkron Festival Days next year, when you resign, when he retires, etc.


ที่มา
Posted by: Ratchanee.....
From: เอกสารประกอบการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ของนางสาวรัชนี ผลแม่น , 2551

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Assignment 8 : Prepositions




Preposition  -  บุพบท

                บุพบท  คือ  คำเชื่อระหว่างกริยานามสรรพนาม  หรือ  คำอื่ใด  เพื่อบอกสถานที่,
เวลา, ทิศทาง  และอื่นๆ  แบ่งตามลักษณะได้ 4 ประการ

1.         1. Simple  preposition  =  บุพบทคำเดียว
at                         ที่                     by               โดยข้าง            down              ลง               for          เพื่อเป็นเวลา
form   จาก         in                     ใน              on                       บน                  of                ของ
off                      หมด               past             ผ่าน                    round             รอบๆ         to            ถึง, เพื่อจะ
through             ผ่านทะลุ        till                จนกระทั่ง         since               ตั้งแต่          up           ขึ้น
with    กับด้วย until                จนกระทั่ง
1.         2. Compound  Preposition  -  บุพบทผสมตั้งแต่  2  พยางค์ขึ้นไป
about  เกี่ยวกับ  above             เหนือ             along              ตาม                 around       แถวๆ นี้
across ข้าม         against           ต่อต้าน           after               ภายหลัง        among       ระหว่าง
between             ระหว่าง         before            ก่อน               behind            ข้างหลัง     beside     ด้านข้าง
below ด้านล่าง into                 เข้าไปใน       inside              ข้างใน           outside       ข้างนอก
over    เหนือบน                     opposite         ตรงข้าม         out of             ออกจาก     towards ตรงไปยัง
under ใต้           underneath   ภายใต้            without          ปราศจาก
1.             3. Participial  Preposition  -  บุพบทที่มีรูป  -ing
barring                                       เว้นแต่, นอกจากว่า              concerning                        เกี่ยวกับบอกว่า
considering                               เกี่ยวกับ                                  during                                ระหว่าง  (ใช้กับเวลา)
pending                                     ระหว่าง                                 regarding                          เกี่ยวกับ
respecting                                 เกี่ยวกับ                                  notwithstanding               โดยไม่คำนึงถึงแม้
2.             4. Phrase  Preposition  =  บุพบทวลี
according to                             ตาม                                         because of                         เพราะว่า
by means of                              โดยอาศัย                               by reason                          เนื่องจาก
by way of                                  โดยเพื่อ                               for the sake of                  เพื่อเพื่อนเห็นแก่

Phrase  Preposition  -  บุพบทวลี
in accordance eith   ตามตามที่                                            in addition to                    นอกจาก
in (onbehalf of      ในนามขแง                                           in case of                           ถ้าหากว่าถ้า
in connection with   เกี่ยวกับ                                                  in compliance with          ตาม
in consequence of   ด้วยเหตุเพราะ                                    in course of                       ในระหว่าง
in favor of                 เพื่อประโยชน์ของ                              in fornt of                         ข้างหน้า
in lien of                    แทนที่แทน                                         in order to                         เพื่อที่จะ
in place of                 แทนที่แทน                                         in reference of                 เกี่ยวกับ
in regard                    เกี่ยวกับ                                                  in singht to                        ใกล้
in stead of                 แทนที่แทน                                         in the event of                  ถ้าหากว่าถ้า
on account of           เนื่องจากโดยเหตุที่                            owing to                            เนื่องจาก
with a view of          เพื่อจะเพื่อ                                          with an eye to                   โดยมุ่งหมายเพื่อ
with reference to     เกี่ยวกับ                                                  with regard to                  เกี่ยวข้อง

สำนวนเกี่ยวกับเวลา
at first                        ตอนแรก                                                at last                                  ในที่สุด
at times                      บางครั้งบางเวลา                                at present                          ในปัจจุบัน
at once                       ทันทีทันใด                                           at the same time               ในเวลาเดียวกัน
all day long               ตลอดเวลา                                             so far                                  จนถึงปัจจุบัน
in time                        ทันเวลา                                                 on time                              ตรงเวลา
from time to time    เป็นบางครั้ง
 
คำกริยาบางคำใช้คู่กับบุพบทเสมอ
get up                         ตื่นนอน                                                 get on                                 ขึ้นรถ
look at                        มองดู                                                      look for                             มองหา
look after                  ดูแล                                                        listen to                              ฟัง
turn on                       เปิดไฟ                                                   turn off                              ปิดไฟ
think of                      คิดถึง                                                      talk to                                 คุยกับ
take care of               ดูแลเอาใจใส่                                      wait for                              รอคอย
(beafraid of            กลัว                                                        (beangry with                โกรธ
weak in                      อ่อน (ในวิชา)                                      good at                              เก่ง (ในวิชา)
 made from               ทำจาก                                                    full of                                 เต็มไปด้วย
bored with                เบื่อ                                                         fond of                              ชอบ
different from          ต่างจาก                                                  similar to                           คล้ายคลึงกับ
interested in              สนใจ                                                     proud of                            ภูมิใตกับ
 
Preposition   ต่อไปนี้มีความหมายพิเศษและพบบ่อย
at table                       ขณะรับประทานอาหาร                     at work                              ขณะทำงาน
at play                        ขณะเล่น                                                at war                                 ในยามสงคราม
at peace                     ในยามสงบ                                           at last                                  ในที่สุด
at best                        อย่างดีที่สุด                                           at worst                             อย่างเลวที่สุด
at least                        อย่างน้อยที่สุด                                      at most                               อย่างมากที่สุด
by land                       โดยทางบก                                            by sea                                 โดยทางทะเล
by air                          โดยทางอากาศ                                     by ship                               โดยเรือ
by bus                        โดยรถประจำทาง                                by car                                 โดยรถยนต์
by day                        ในเวลากลางวัน                                   by night                             ในเวลากลางคืน
by post                       โดยทางไปรษณีย์                                 by heart                             จำได้ขึ้นใจ (ท่อง)
in sight                       อยู่ในระยะที่มองเห็น                         in fun                                 โดยตลกเล่น
in play                        ไม่เอาจริง                                              in a hurry                          โดยรีบด่วน
in private                   เป็นการส่วนตัว                                    in all                                    ทั้งหมด
in fact                         ตามจริง                                                  in the case                         ในกรณีนั้น
on business               ด้วยเรื่องการค้า                                    on purpose                        โดยจงใจ
on foot                       โดยเท้า                                                  on the average                 โดยเฉลี่ย
on the other              กล่าวอีกอย่างหนึ่ง                               on my account                 เกี่ยวกับฉัน
on pleasure               เพื่อความสนุก                                      on one’s way                    อยู่ในระหว่างการเดินทาง
on vacation               ในวันหยุด                                            on leave                             ระหว่างการลาพัก
out of order              ใช้การไม่ได้เสีย                                 out of date                        ล้าสมัย
out of work              ไม่มีงานทำ                                            out of stock                      ไม่มีอีกหมดสต๊อค
 

Assignment 6 : Adjectives




Adjective
ตำแหน่งของคุณศัพท์ ( Position )


Adjective ( คุณศัพท์ ) คือคำ ( word ) วลี ( phrase ) หรือประโยค ( sentence )    ซึ่งใช้อธิบายหรือขยายคำนาม หรือสรรพนาม ให้ได้ ความชัดเจนยิ่งขึ้น กล่าวคือเป็นการบอกให้รู้ลักษณะคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่าเป็นอย่างไร เช่น good, bad, new, hot, my, this  โดยทั่วไปการวางตำแหน่ง คุณศัพท์ในประโยคจะวางได้ 2 แบบ

  • ใช้วางประกอบข้างหน้านาม ( attributive use ) ที่มันขยายShe is a beautiful girl.  เธอเป็นคนสวย ( beautiful ขยายนาม girl)
    These are small envelopes. พวกนี้เป็นซองเล็กๆ  ( small ขยายนาม envelopes)
  • ใช้วางเป็นส่วนของกริยา ( predicative use ) โดยอยู่ตามหลัง verb to be เมื่อ adjective นั้นขยาย noun หรือ pronoun ที่อยู่หน้า verb to beThe girl is beautiful. เด็กผู้หญิงคนนั้นสวย 
          (
     beautiful เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be  ขยาย girl และ the เป็นคุณศัพท์ขยาย girl เช่นกัน
    These 
    envelopes are smallซองพวกนี้มีขนาดเล็ก
          (
     small เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be ขยาย envelopes ,these เป็น คุณศัพท์ขยาย envelopes เช่นกัน )
    She 
    has been sick all weekเธอป่วยมาตลอดอาทิตย 
          (
     sick เป็น คุณศัพท์ ที่ตามหลัง verb to be   ขยายสรรพนาม she )
    ( You) 
    Be careful( คุณ ) ระมัดระวังด้วย 
          
    ( careful เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be ขยาย you    ซึ่งในที่นี้ละไว้เป็นที่เข้าใจ ) 
    That cat 
    is fat and  whiteแมวตัวนั้นอ้วนและมีสีขาว
         
    ( That เป็นคุณศัพท์ประกอบหน้านาม   fat และ white เป็นคุณศัพทซึ่งเป็นส่วนของกริยาขยาย cat
 หลักเกณฑ์อื่นๆ
1. คุณศัพท์ที่ประกอบหน้านามไม่ได้ ต้องวางหลัง verb to be หรือ linking verb* เท่านั้นเรียกว่าเป็น predicate adjective ได้แก่
 alike เหมือน
 afraid
 กลัว
 asleep หลับ
 alone
 โดยลำพัง
 awake ตื่นอยู่
 alive
 มีชีวิตอยู่
 aware ระวัง
 ashamed
 ละอาย
 afloat ลอย
 unable
ไม่สามารถ
 content พอใจ
 worth
 มีค่า
 ill ป่วย
 well
 สบายดี
 เช่น
These two women look alike. ผู้หญิง 2 คนนี้ดูเหมือนกัน ( look เป็น linking verb, alike เป็น predicative adj.)
The boy is asleep. เด็กชายกำลังนอนหลับ ( ทำเป็น attributive adj. ได้คือ The  sleeping boy. )
The sky is aglow. ท้องฟ้าสว่างไสว ทำเป็น attributive adj. ได้คือ The  glowing sky.
linking verb หมายถึง กริยาที่ใช่เชื่อมประธาน ( Subject) กับคำอื่นให้สัมพันธ์ กันเพื่อช่วยขยายประธานของประโยค ให้ได้ใจความสมบูรณ์ที่นอกเหนือไปจาก verb to beเช่น appear, become, feel, get, grow,keep, look, go, remain, seem, smell, sound, taste, turn.
 2. คุณศัพท์ที่ใช้เป็นส่วนของกริยา ( verb to be ) ไม่ได้ เช่น
 former ก่อน latter หลัง
 inner ภายใน outer นอก
 actual ในทางปฏิบัติ neighboring ใกล้เคียง
 elder อายุมากกว่า drunken เมา
 entire ทั้งสิ้น shrunken หด
 especial โดยเฉพาะ wooden ทำด้วยไม้
 middle กลาง
เช่น   A wooden heart. (ไม่ใช่  A heart is wooden )
 3. ถ้าคุณศัพท์นั้นทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนามที่เป็นกรรมของประโยค ต้องวางคุณศัพท์ไว้หลังกรรมนั้นเพื่อให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
We considered his report  unsatisfactory.  เราพิจารณาเห็นว่ารายงานของเขาไม่เป็นที่น่าพอใจ
      (unsatisfactory 
เป็นคุณศัพท์ขยาย his report  ซึ่งเป็นกรรมของประโยค )
 4. เมื่อใช้กับข้อความแสดงการวัด ( measurement) วางคุณศัพท์ไว้หลังนาม หรือสรรพนาม เช่น
My uncle is sixty years old.  ลุงของฉันอายุ 60 ปี    (ไม่ใช่ My uncle is old sixty years.)
This road is fifty feet wide. ถนนนี้กว้าง 50 ฟุต    (ไม่ใช่ This road is wide fifty feet.)
 5. เมื่อคุณศัพท์หลายคำประกอบนามหรือสรรพนามเดียว จะวางข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้   โดยจะต้องมี and  มาคั่นหน้าคุณศัพท์ตัวสุดท้าย เช่น
The building, old and unpainted, was finally demolished.   ตึกซึ่งเก่าและสีทรุดโทรม
    ในที่สุดก็ถูกทุบทิ้ง ( วางข้างหลัง ) หรือThe old and unpainted building was finally demolished. ( วางข้างหน้า )
 He bought a new, powerful and expensive car . เขาซื้อรถใหม่ที่กำลังแรงสูงและราคาแพง หรือ 
 He bought a carnew, powerful and expensive.  
 6. คุณศัพท์วางตามหลังคำสรรพนาม ( pronoun ) ที่มันขยาย ต่อไปนี้        
 someone anyone no one everyone
 somebody anybody nobody everything
 something anything nothing everybody
เช่น
She wanted to marry someone rich and smart.  เธอต้องการแต่งงานกับใครสักคนซึ่งหล่อและรวย
I'll tell you something important. ฉันจะเล่าบางอย่างที่สำคัญให้คุณฟัง
 7. วาง คุณศัพท์ไว้หลังนามหรือสรรพนามถ้าคุณศัพท์นั้นมีข้อความ ( prepositional phrase ) ประกอบอยู่      เช่น
Thailand is a country famous for its food and  fruits.  ไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารและผลไม้
      (famous เป็นคุณศัพท์    famous for food and fruits เป็นข้อความขยายคำนาม country)
She is the woman suitable for the position. เธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับตำแหน่ง 
      (suitable
 เป็นคุณศัพท์  suitable for the position.  เป็นข้อความขยาย  woman )
 8. คุณศัพท์บางคำมีความหมายต่างกัน ถ้าวางในตำแหน่งที่ต่างกัน เช่น
He is and old friend.  เขาเป็นเพื่อนเก่า
My friend is old.  เพื่อนของฉันสูงอายุ
The teacher was present.  ครูมาอยู่ที่นั้นด้วย
The present teacher.  ครูคนปัจจุบัน
Harry was late.  แฮรีมาสาย
The late Harry.  แฮรี่ผู้เสียชีวิตไปแล้ว
 9. กลุ่มของคำที่เป็นวลี ( phrase) หรืออนุประโยค ( clause ) เมื่อขยายคำนาม ต้องวางหลังนามหรือสรรพนามที่มันประกอบ เช่น
The woman sitting in the chair is my mother .  ผู้หญิงที่นั่งที่เก้าอี้เป็นแม่ของฉัน 
      ( sitting in the chair
  เป็นวลี ขยายคำนาม  the woman)
The man who came to see me this morning is my uncle.     ผู้ชายที่มาหาฉันเมื่อเช้านี้คือลุงของฉัน 
     ( who came to see me this morning
  เป็นอนุประโยคขยายคำนาม the man )
หมายเหตุ    ถ้านามใดมีทั้งวลี และ อนุประโยค มาขยายพร้อมกัน ให้เรียงวลีไว้หน้าอนุประโยคเสมอ เช่น
I like the picture on the wall which was  painted by my friend.     ฉันชอบรูปภาพที่แขวนบนข้างซึ่งวาดโดยเพื่อนของฉัน
      ( on the wall เป็นวลีขยาย the picture) ( which was painted by my friend เป็นอนุประโยคขยาย the picture ) 

There is only one solution possible.   (possible วางหลังคำนาม solution ) There are some tickets available.   ( available วางหลังคำนาม tickets)
 10. คุณศัพท์ที่เป็นสมญานามไปขยายคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ให้วางหลังคำนามนั้นเสมอ เช่น
 Alexander the GreatWilliam the Conqueror
 11.โดยปกติคุณศัพท์จะต้องวางหลัง article ที่เป็น a หรือ an เช่น a good man   ยกเว้นคุณศัพท์ต่อไปนี้   เมื่อนำไปขยายคำนามที่เป็นเอกพจน์และนับได้ ให้วางคุณศัพท์นั้นไว้หน้า a หรือ an ได้แก่ half, such, quite,  rather และ many เช่น
John is such a good man. ( a good man เป็นนามเอกพจน์ )This is rather a valuable picture ( a valuable picture เป็นนามเอกพจน์ )
 12. เมื่อ adjective หลายคำประกอบคำนามเดียว ควรวางลำดับก่อนหลังดังนี้


Article
Demonstrative
Possessive
Indefinite
Adjective
บอกจำนวนนับ
คำอธิบายลักษณะ
นามรองทำหน้าที่คุณศัพท์
นามหลัก
คุณภาพ
ลักษณะ
รูปร่าง
ขนาด
อายุ
สี
สัญชาติ
แหล่งกำเนิด
วัสดุ
A
beautiful
old
Italian
touring
car.
An
expensive
antique
silver
mirror.
The
four
gorgeous
long-stemmed
red
roses.
Her
short
black
hair.
Our
two
big
old
English
  
sheep-
dogs.
Some
delicious
Thai
food.
Many
modern
small
brick
houses.

Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       

          1. Descriptive Adjective  คุณศัพท์บอกลักษณะ     
          2. Proper Adjective   คุณศัพท์บอกสัญชาติ     
          3. Quantitative Adjective  คุณศัพท์บอกปริมาณ     
          4. Numbearl Adjective  คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน     
          5. Demonstrative Adjective  คุณศัพท์ชี้เฉพาะ     
          6. Interrogative Adjective  คุณศัพท์บอกคำถาม     
          7. Possessive Adjective  คุณศัพท์บอกเจ้าของ     
          8. Distributive Adjective  คุณศัพท์แบ่งแยก     
          9. Emphaszing Adjective  คุณศัพท์เน้นความ     
          10. Exclamatory Adjective  คุณศัพท์บอกอุทาน     
          11. Relative Adjective  คุณศัพท์สัมพันธ์